แก๊สมัสตาร์ด (SULFUR MUSTARD) เป็นอาวุธเคมีชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นฉุนและมีสีเหลืองอันเป็นที่มีของชื่อ “MUSTARD GAS” โดยถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1822 แต่ในตอนนั้นยังไม่ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ จนกระทั่งกองทัพเยอรมนีได้นำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยการบุกโจมตีกองทหารอังกฤษและแคนาดา ณ เมืองอีเพรส์ ประเทศเบลเยียม ส่งผลให้ทหารกว่า 6,000 นาย เสียชีวิตไปในที่สุด ซึ่งนั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้อาวุธเคมีในสงครามของทุกฝ่าย
สำหรับการใช้งานแก๊สมัสตาร์ดนั้นสามารถใช้ได้ผ่านการทิ้งระเบิด ระเบิดมิสไซล์ รวมถึงติดกับกระสุนปืนใหญ่ โดยในสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นถูกใช้อยู่หลายครั้ง รวมถึงสงครามอิรักที่ถูกนำไปใช้ระเบิดข้างถนน (ROADSIDE BOMBS) จนกลายเป็นสงครามเคมี ซึ่งในเรื่องของความรุนแรงนั้น หากได้รับในปริมาณน้อยก็จะเกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้มีอาการไอและจาม
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก แก๊สมัสตาร์ด ในช่วงสงครามโลก
ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารหลายนายที่ได้รับการสูดหายใจหรือสัมผัสแก๊สมัสตาร์ดในปริมาณที่มากก็จะส่งผลให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยจะมีอาการบวมแดงตามบริเวณผิวหนังที่ได้สัมผัส ผิวหนังพุพอง มีอาการท้องเสีย หายใจติดขัด หอบจนระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด สำหรับผู้ที่รอดชีวิตมาได้นั้นก็จะมีร่างกายที่ไม่ปกติเช่นเดิม แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่มีชีวิตรอด เนื่องจากเป็นสารเคมีที่อันตรายและรุนแรงมากถึงมากที่สุด ผู้ที่ได้สัมผัสหรือสูดดมเข้าไปก็จะมีรู้สึกทรมานร่างกายก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ ซึ่งนับว่าเป็นอาวุธสงครามที่คร่าชีวิตทหารไปเป็นจำนวนมาก
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธเคมีที่มีความอันตรายมากที่สุด ซึ่งถ้าหากแก๊สมัสตาร์ดไปโดนเสื้อผ้าก็ยังสามารถทะลุเข้าไปถึงผิวหนังได้ ถึงแม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความหนามากก็ตาม ผู้ที่ได้รับการสูดหายใจอาวุธสงครามหรือแก๊สชนิดนี้เข้าไปก็จะแสดงอาการออกมาทันที หรือในบางรายอาจอยู่นานถึง 24 ชั่วโมง และหลังจากที่เสียชีวิตแล้ว ร่างกายก็จะถูกเผาไหม้จนผิวหนังพุพองไปมากกว่า 50% เลยทีเดียว
ด้วยความรุนแรงของอาวุธเคมีชนิดนี้ที่ได้คร่าชีวิตคนไปจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะถูกนำมาใช้ในสงครามเคมีก็ตาม แต่ผลกระทบที่ได้รับนั้นต่างก็ต้องสูญเสียไปไม่น้อยเลย จึงทำให้ต่อมาได้เกิดสนธิสัญญาที่กรุงเจนีวาโดยชาติมหาอำนาจได้ร่วมกันทำข้อตกลงเกี่ยวกับการหยุดใช้แก๊สมัสตาร์ดและอาวุธเคมีชนิดอื่น ๆ ในการทำสงคราม เพราะทำให้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม นอกจากนี้สารเคมีหลายชนิดก็ถูกห้ามนำมาใช้ด้วย
อ่านบทความอื่น ๆ >> DONGFENG-17 ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่อันตรายมากที่สุดของจีน
สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ เว็บพนันออนไลน์ มั่นคงปลอดภัย มั่นใจซื่อตรง เปิดบริการแล้วครบจบในที่เดียว
